เมื่อไม่นานมานี้ได้มีเทรนด์ Quiet Luxury ที่ใส่แบรนด์หรูแบบไม่ตะโกน แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีเทรนด์ความประหยัดของคนGen Z ที่ไม่อวดของแบรนด์เนม ความหรูหรา และฟุ่มเฟือย แต่อวดการวางแผนทางการเงิน การลงทุนแบบคนรุ่นใหม่ ที่มีเงินในบัญชีหลายหลัก ใช้เงินเฉพาะที่จำเป็น และไม่ตกเป็นทาสการตลาดอีกต่อไป นั่นก็คือ เทรนด์ Loud Budgeting ที่กำลังมาแรง และเป็นไวรัลไปทั่วโลก
Loud Budgeting คือ เทรนด์การใช้เงินรูปแบบใหม่ ที่ไม่ต้องมีของทุกอย่างที่คนอื่นมี แต่มีเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น หรืออาจจะเป็นของที่เราต้องการจริง ๆ ไม่ใช่เพราะคนอื่นมีกัน พูดง่าย ๆ ก็คือ ซื้อเฉพาะที่จำเป็นและอยากได้จริง ๆ ไม่ซื้อของตามสังคม หรือซื้อเพราะคนอื่นมีเราจึงต้องมีตาม
นอกจากนี้ Loud Budgeting ยังมีการวางแผนทางการเงินและการลงทุนอย่างดีเยี่ยม มีเป้าหมายทางการเงินชัดเจน และพร้อมปฏิเสธงานสังสรรค์ งานแต่งงาน หรือนัดกินข้าวที่ไม่จำเป็นด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้การเข้าสังคมกระทบต่อแผนทางการเงินในอนาคต
จุดเริ่มต้นของเทรนด์ Loud Budgeting คือ Lukas Battle ซึ่งเป็น TikToker ได้ออกมาแชร์ว่าคนที่มีเงินจริง ๆ มักจะไม่ใช้ของใช้ฟุ่มเฟือย ไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ ทำให้เกิดเป็นกระแสการบอกให้คนอื่นรู้ว่า "ฉันเป็นคนประหยัด" แบบไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ หลายคนต้องตกอยู่ในวังวนของการเป็นหนี้ ทั้งสิ่งที่จำเป็นและไม่จำเป็น จนกลายเป็นลูปของชีวิต ที่เริ่มต้นจากการทำงานหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อใช้หนี้ จนเกิดความเครียด และบำบัดด้วยการซื้อของฟุ่มเฟือย และเป็นหนี้อีกครั้งหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ คนรุ่นใหม่จึงต้องเผชิญกับภาวะเครียดจากการต้องใช้หนี้บัตรเครดิต หนี้การศึกษา ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสตรีมมิ่งต่าง ๆ การออกไปกินข้าวนอกบ้านตามกระแส และที่เจ็บช้ำไปกว่านั้นก็คือ ของบางอย่างซื้อมาเก็บเอาไว้ แต่ไม่ได้ใช้ ทำให้เมื่อมีเทรนด์ Loud หลายคนกลับมานั่งคิดว่า มีสิ่งไหนบ้างที่จำเป็นต่อชีวิตเราจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของแบรนด์เนม หรือว่าสังคมที่ต้องเสียเงินไปสังสรรค์เพื่อรักษามิตรภาพเอาไว้
ที่จริงแล้ว หลายคนพยายามที่จะวางแผนทางการเงิน และพยายามที่จะใช้เงินให้น้อยลงอยู่แล้ว เห็นจากหลายคนมักจะค้นหาวิธีการออมเงินแบบคนยุคใหม่ที่ง่ายและทำได้จริง ซึ่งวันนี้เราจะมาแชร์เคล็ดลับประหยัดตามเทรนด์ Loud Budget ให้ได้รู้กัน
“เพิ่มเงินอีก 10 บาท ได้ไซส์ใหญ่นะคะ”
“ซื้อครบ 500 บาท ส่งฟรีค่ะ”
เราคงเคยหลงไปกับโปรโมชัน หรือที่ใคร ๆ ชอบพูดว่า “ทาสการตลาด” ทั้งที่จริงแล้ว เราเองก็ไม่ได้อยากได้ของที่ลด แลก แจก แถมสักเท่าไร แต่พอมีโปรโมชันขึ้นมา บัตรเครดิตในกระเป๋าก็เริ่มสั่น อยากจะได้ขึ้นมาทันที สุดท้ายก็เป็นตัวเราเองที่ต้องมานั่งกลุ้มใจตอนจ่ายเงินค่าบัตรเครดิต
ดังนั้น ต่อไปนี้ หากว่าเจอโปรโมชัน “ลด แลก แจก แถม” สิ่งที่ต้องถามตัวเองคือ สิ่งนี้คือสิ่งจำเป็น หรือสิ่งที่อยากได้ ถ้าไม่จำเป็น อย่าตกเป็นทาสการตลาดอย่างเด็ดขาด
ถ้าเป็นของที่ “อยากได้” ไม่ใช่ของที่ “จำเป็น” ให้หยุดคิดสัก 48 ชั่วโมง อย่าเพิ่งซื้อในทันที
ลองใช้กฎ 48 ชั่วโมง โดยการเขียนข้อดีของการซื้อ และไม่ซื้อ หรือให้กลับไปนอนที่บ้าน แล้วคิดสัก 2 วันว่าเรายังต้องการสิ่งนั้นจริง ๆ หรือไม่ หากคำตอบของเราคือ “ใช่” และไม่กระทบแผนทางการเงินมากจนเกินไป ก็สามารถอนุญาตตัวเองให้ซื้อได้ แต่ถ้าความรู้สึกนั้นจาง ๆ ลงไป หรือกระทบแผนทางการเงิน ให้ลองคิดใหม่ดูอีกที หรือตัดใจไม่ซื้อไปเลยจะดีกว่า
เราไม่ต้องใช้เครื่องสำอางแบรนด์นี้ กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า “ใคร ๆ ก็มีกัน” โดยเฉพาะหากว่าเราไม่ได้ชอบสิ่งนั้นจริง ๆ เพราะหากว่าเราซื้อมาแล้วไม่ได้ชอบหรือไม่ได้เข้ากับเรา อาจจบด้วยการวางทิ้งเอาไว้ และไม่ได้ใช้ประโยชน์อีกเลย
หลายครั้งและหลายคน ซื้อของแบรนด์เนม ไปกินอาหารร้านหรู ๆ หรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพื่อมาถ่ายลงโซเชียล เพื่ออวดว่าเรามีเงินซื้อ แต่แท้จริงแล้ว เราไม่ได้ต้องการหรือไม่ได้ชอบกินอาหารแบบนี้เลย ดังนั้น ก่อนซื้อของทุกครั้ง คิดก่อนว่าเราต้องการหรือจำเป็นต้องใช้จริงหรือเปล่า
อย่าใช้ชีวิตโดยไร้เป้าหมายทางการเงิน เพราะเรารู้ดีว่า การมีเงินใช้อย่างเพียงพอดีต่อชีวิตเพียงใด ดังนั้น ให้เราวางเป้าหมายทางการเงิน และแบ่งเงินไปลงทุนบ้าง เพื่อให้ทรัพย์สินของเรางอกเงย หรือสร้าง Passive Income ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องทำงานหนัก
ลองงดดูไลฟ์ รีวิวสินค้า หรือไถเว็บช้อปปิ้ง จะช่วยลดการซื้อของที่ไม่จำเป็นลงไปได้ เพราะบางครั้งเราอาจจะอยากได้เพียงเพราะดูแล้วน่าซื้อเท่านั้น
ไม่ต้องกังวลใจ เพียงบอกเพื่อนหรือญาติพี่น้องตรง ๆ ถึงแผนทางการเงินที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งจะช่วยปลดล็อกทางความรู้สึกได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อกล้าที่จะปฏิเสธครั้งหนึ่งแล้ว จะช่วยให้สามารถปฏิเสธในครั้งต่อ ๆ ไปได้ง่ายยิ่งขึ้น
เทรนด์ Loud Budgeting ตอนนี้ กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก ซึ่งหลายคนก็ตอบรับเทรนด์ดังกล่าว ด้วยข้อดีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ใครที่อยากลองทำตามเทรนด์ Loud Budgeting สามารถทำได้เลย ไม่ยุ่งยาก และหากว่าใครต้องการที่จะวางแผนทางการเงิน แนะนำให้ทำประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ Easy E-Save 10/5 จาก FWD กัน ประกันสะสมทรัพย์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากวางแผนเก็บเงินก้อน พร้อมลดหย่อนภาษีได้แบบเต็มๆ จ่ายเบี้ยฯสั้นเพียง 5 ปี การันตีผลตอบแทน 350% ของทุนประกันเมือครบปีที่ 10 พร้อมรับเงินคืนทุกปีกรมธรรม์ หรือจะลองเลือกซื้อประกันออนไลน์แผนที่ใช่ ตรงกับเป้าหมายทางการเงินได้เลยที่เว็บไซต์ fwd.co.th
ข้อมูลอ้างอิง