ในยุคที่เราทำได้เพียงแค่ยิ้มแห้งๆให้กับเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญอยู่นี้ สิ่งที่ต้องเจอกันแน่ๆ ก็คงไม่แพ้อาการเงินช็อต และในกลุ่มของเพื่อนเรามันก็มักจะต้องมีคนใดสักคนหนึ่งที่ต้องหันมาขอความช่วยเหลือด้านการเงินกับพวกเราๆ แต่จะทำไงได้เมื่อเพื่อนไม่เคยทิ้งกัน อยากได้เงินไปหมุนสักเท่าไหร่ดี เดี๋ยวจัดให้เพื่อเพื่อนได้เลย แต่สุดท้ายมิวายต้องได้เอ่ยประโยคที่ว่า
~กราบเรียนลูกหนี้ที่เคารพ~ ประโยคทักทายสุดนอบน้อมที่เอ่ยออกมาเพื่อเป็นประโยคส่งสัญญาณบางอย่างว่าได้เวลาที่ควรจะคืนเงินได้แล้ว แต่...ช้าก่อนเมื่อลองมาย้อนนึกดูอีกครั้ง เอ๋ เราเป็นเจ้าหนี้นะ ทำไมถึงต้องแทบจะคลานเข่าเข้าไปขอเงินคืนกันนะ เงินก็เป็นเงินเราอีกต่างหาก นึกไปนึกมาก็พาให้รู้สึกหงุดหงิดใจ แถมลูกหนี้ตัวดีคนนี้ดันอยู่ในสถานะเพื่อนซะด้วย แล้วจะทวงเงินอย่างไรไม่ให้เสียเพื่อน เรื่องนี้มีแนวทาง ที่จะทำให้ได้เงินคืนแบบไม่ต้องเสียเพื่อน มาดูกัน
เพื่อนจ๋า ช้าก่อนขอเราเปิดดูกระเป๋าตังค์แปบ
ใจเขา ใจเรา ในเมื่อเพื่อนเราเจอวิกฤตทางการเงินก็ว่าแย่อยู่แล้ว จะให้ไปซ้ำเติมด้วยการทวงเงินก้อน ก็ดูจะเป็นคนร้ายๆ ถึงเวลาสวมบทนางเอก/พระเอก ใช้จิตวิทยาเข้าไปคุยกับเพื่อนว่าแบบค่อยๆทยอยจ่ายคืนเราก็ได้นะ ซึ่งความจริงในใจก็คือได้น้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย เพื่อนที่ยืมเงินเราไปก็คงน่าจะพอมีจิตแห่งความเกรงใจอยู่บ้าง พอเจอบทคนดีของเราเข้าไปก็จะได้พยายามรีบหาเงินมาคืนเรา
วันที่ใช่ ในเวลาที่ถูกต้อง และเหมาะกับการทวงเงิน
ทวงเท่าไหร่ก็ไม่ได้เงินคืนสักที อาจจะเป็นได้ว่าคุณทวงเงินผิดที่ ผิดเวลาอยู่นั่นเอง เปลี่ยนแผนใหม่ในการทวงเงินด้วยการดูวันมงคลที่เป็นวันเงินออกเพราะเมื่อคุณทวงเงินเพื่อนในวันนั้น เพื่อนของคุณไม่อาจปฏิเสธคุณได้ว่าไม่มีเงิน หรือถ้าจะบอกว่าเงินยังไม่พอคืน งั้นก็ใช้วาจาหว่านล้อมเขาสักหน่อยแล้วใช้วิธีการตามด้านบนเข้าเจรจา
ทวงดีมีโอกาสได้เงินไม่ยาก แต่ถ้าทวงมากๆ ระวังปากอาจจะมีสี