การออม การลงทุน

เช็กสถานะเงินคืนภาษี และเทคนิควิธีดี ๆ ให้ได้เงินคืนแบบไฮสปีด

03/11/2565
FWD Thailand
เทศกาลยื่นภาษีผ่านพ้นไปเรียบร้อย ตอนนี้หลาย ๆ คนน่าจะกำลังรอเงินคืนภาษีกันอย่างใจจดใจจ่ออยู่แน่ ๆ สำหรับใครที่กำลังเฝ้ารอเงินคืนภาษีอยู่ล่ะก็ วันนี้เรามีเทคนิคดี ๆ ในการตรวจสอบและเร่งสปีดเงินคืนภาษีมาฝากกัน

วิธีตรวจสอบเงินคืนภาษี

เมื่อเรายื่นแบบภาษีออนไลน์เรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าไปตรวจสอบเงินภาษีได้ทางเว็บไซด์กรมสรรพากร บริการสอบถาม

การคืนภาษี  ช่องทางการให้บริการ สอบถาม/ส่งเอกสาร การคืนภาษี (ภ.ง.ด.90/91) ของกรมสรรพากร โดยเราต้องต้องยืนยันตัวตนผ่านระบบ My Tax Account ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลเป็นไปตาม PDPA ที่กำหนดไว้  โดยกรอกข้อมูลเลขบัตรประชาชน รหัสผ่าน และ เลเซอร์ไอดีเลขหลังบัตรประชาชน จากนั้นระบบจะแสดงผลการสอบถามข้อมูลการขอคืนภาษี และสถานะการคืนภาษี โดยสถานะในระบบจะมีทั้งหมด 7 สถานะด้วยกันคือ

1. ยื่นแบบภาษี คือสถานะยืนยันการยืนยันว่าเรายื่นภาษีสำเร็จแล้ว
2. นำส่งข้อมูล คือข้อมูลที่เรายื่นไป กำลังถูกนำส่งให้ระบบประมวลผล

3.วิเคราะห์แบบ คือสถานะที่ข้อมูลของเรากำลังถูกพิจารณาจากเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่อยู่ โดยในสถานะนี้เจ้าหน้าที่อาจมีการขอเอกสารเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา

4.ขอเอกสาร หากทางเจ้าหน้าที่ต้องการเอกสารเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาคืนภาษี
5. พิจารณาคืนภาษี คือสถานะที่เจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่อยู่พิจารณาคืนภาษีจากการวิเคราะห์แบบ
6. ส่งคืนภาษี เป็นสถานะที่ยืนยันว่าเราจะได้เงินคืนภาษีอย่างแน่นอน และเจ้าหน้าที่กำลังจะโอนเงินคืนภาษีให้เรา สำหรับผู้ที่ผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนจะได้รับเงินคืนใน 3 - 5 วันทำการ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ผูกพร้อมเพย์จะได้รับหนังสือแจ้งคืนเงินภาษี (ค.21) หรือเช็คผ่านทางไปรษณีย์ แล้วจึงนำเช็คนี้ไปรับเงินภาษีคืนที่ธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยใช้เวลาประมาณ 15 วัน
7. ได้รับคืนภาษี คือสถานะยืนยันว่าทางสรรพากรคืนเงินภาษีให้เราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

tax-refund-tips_2.jpg

 เทคนิควิธีได้เงินคืนภาษีไวแบบไฮสปีด

การยื่นภาษีมีตัวเอกหลัก ๆ อยู่ 2 ตัวก็คือเอกสารและช่องทางการรับเงินคืนภาษี ซึ่งหากสองสิ่งนี้ขัดข้องหรือมีปัญหาก็อาจจะทำให้เราได้เงินคืนภาษีช้าลงด้วย ดังนั้นแล้วการเร่งสปีดเงินภาษีให้เข้าบัญชีของเราเร็วขึ้นก็ต้องใช้เทคนิคและวิธีการต่อไปนี้


1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการยื่นภาษีก็คือ ‘เอกสาร’ เพราะเอกสารเป็นหลักฐานอย่างเดียวที่จะพิสูจน์รายรับ รายจ่าย ไปจนถึงการลงทุนของเราได้ ซึ่งหากเรายื่นเอกสารไปไม่ครบถ้วน ทางสรรพกรก็อาจจะมีการเรียกดูเอกสารเพิ่มเติม หรือใช้เวลานานขึ้นในการพิจารณาคืนเงินภาษี ซึ่งจุดนี้ก็จะทำให้เวลาในการคืนภาษีนานขึ้นด้วย โดยเอกสารที่เราควรจะเตรียมให้พร้อมเมื่อยื่นภาษีมีดังนี้

  • หนังสือรับรองเงินเดือนและการหักภาษี (ใบทวิ 50)

  •  ใบเสร็จต่าง ๆ ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น ใบเสร็จจากการบริจาคเงิน และใบเสร็จที่ใช้จ่ายในโครงการของรัฐบาลอย่าง โครงการช้อปดีมีคืน 2565 เป็นต้น

2. อัพโหลดเอกสารเพิ่มเติมให้สรรพากร

หลายคนอาจจะคิดว่าแค่กรอกข้อมูลในระบบ e-Filing ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ลืมไปว่าข้อมูลที่เรากรอกไปในระบบนั้น ทางสรรพากรสามารถเรียกขอดูเอกสารเพิ่มเติมได้เสมอ ซึ่งหากเราลืมอัพโหลดเอกสารเพิ่มเติม ก็จะทำให้เราได้เงินภาษีช้าลงกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นหากใครที่ต้องการจะนำส่งเอกสารให้สรรพากรเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปที่ระบบ E-Refund บนเว็บไซด์กรมสรรพากรแล้วคลิกที่ ‘นำส่งเอกสารประกอบพิจารณาการคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา’ แล้วอัพโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้องลงไปเลย โดยการอัพโหลดเอกสารต้องใช้ไฟล์รูปภาพอย่าง JPG, PNG, BMP, TTF และ PDF ขนาดไม่เกิน 20 MB แยกเป็นประเภทเงินได้ หรือประเภทรายการลดหย่อน แล้วตั้งชื่อไฟล์เป็นรายการที่เราต้องการนำส่งเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบของสรรพากรนั่นเอง

3. ผูกพร้อมเพย์ (PromptPay) กับบัญชี 

ปัจจุบันสรรพากรมีการคืนภาษีผ่านระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หรือระบบจ่ายเงินอัตโนมัติ โดยผู้เสียภาษีต้องทำการผูกพร้อมเพย์ไว้กับบัตรประชาชนและบัญชีของตัวเองไว้ก่อน และหากผ่านการพิจารณาคืนภาษี กรมสรรพากรก็จะโอนเงินภาษีนั้นคืนใน 3 - 5 วันทำการส่วนกลุ่มที่ไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ไว้ ทางสรรพากรจะส่งเช็คคืนภาษีให้ผ่านไปรษณีย์ เพื่อให้ผู้เสียภาษีนำเช็คนั้นไปขึ้นเงินที่ธนาคารอีกที โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน ซึ่งช้ากว่ากลุ่มที่ผูกพร้อมเพย์มาก ดังนั้นหากใครอยากได้เงินคืนให้เร็วขึ้นก็อย่าลืมไปผูกพร้อมเพย์ไว้กับบัญชีรับเงินคืนภาษีแบบด่วน ๆ 
tax-refund-tips_3.jpg
ดังนั้นใครที่กำลังรอเงินคืนภาษีอยู่ก็อย่าลืมเข้าระบบไปตรวจสอบสถานะ อัพโหลดเอกสาร และผูกพร้อมเพย์ให้เรียบร้อย เพื่อเร่งสปีดเงินคืนภาษีของเราให้เข้าบัญชีเร็วขึ้น ส่วนใครที่อยากได้เงินคืนภาษีมากขึ้นในปีหน้า ก็อย่าลืมมองหา ประกันชีวิต-ประกันสุขภาพดีๆ จาก FWD ไว้เป็นที่พึ่งพาและยดหย่อนปีหน้ากันด้วยนะ 

  • ประกันสุขภาพที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 25,000 บาท เมื่อรวมค่าลดหย่อนกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท

สามารถศึกษาข้อมูลการยื่นภาษีเพิ่มเติมได้ที่ 

อ้างอิง- ยื่นภาษี “ขอคืนภาษี” แล้ว รอนานไหม ถ้ายังไม่ได้เงินภาษีคืน ต้องทำอย่างไร - กรุงเทพธุรกิจ- สาเหตุที่ทำให้เรา ได้ เงินคืนภาษี ช้ากว่าที่คิด - iTAX- วิธีตรวจสอบการคืนภาษี และอัพโหลดเอกสารในการขอคืนภาษี - TAXBugnoms- https://rd.go.th/272.html