เพราะเป้าหมายของการทำงานหนักในวันนี้มีจุดหมายอยู่ที่การเกษียณอายุอย่างสบายใจแต่นอกจากจะทำงานหนักและเก็บเงินเอาไว้เพื่อรอรับดอกเบี้ยแล้ว การนำเงินเก็บบางส่วนออกมาต่อยอดก็จะสามารถช่วยสร้างรายรับและรักษาสภาพคล่องทางการเงินเอาไว้ได้ แม้จะไม่ได้ลงแรงทำงานแล้วก็ตาม
ในปัจจุบันนี้การทำประกันบำนาญและการจัดพอร์ตลงทุนนั้นถือเป็นการนำเงินเก็บมาต่อยอดเพื่อรองรับแผนเกษียณที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนหลายคนอดสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าจะเลือกวิธีต่อยอดเงินเก็บแบบไหนให้เหมาะกับตัวเองมากที่สุด หากใครสงสัยแบบเดียวกันนี้อยู่ มาไขทุกข้อสงสัยได้ในบทความนี้กัน
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ พนักงานบริษัท หรืออาชีพไหน
การเตรียมแผนเกษียณอายุเอาไว้ให้พร้อมตั้งแต่วันที่ยังทำงานไหวอยู่ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา เรี่ยวแรงในการทำงานเพื่อสร้างรายได้ก็น้อยลงไปตาม มิหนำซ้ำอายุที่เพิ่มขึ้นเองก็มาพร้อมกับความเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงจากสุขภาพที่มีรายจ่ายตามมา
ด้วยเหตุนี้ การวางแผนเกษียณเอาไว้ตั้งแต่วันนี้จะสามารถช่วยทั้งบริหารจัดการเงินให้เพียงพอต่อชีวิตบั้นปลาย ตลอดจนช่วยวางแผนชีวิตเพื่อบริหารความเสี่ยงรอบด้านในภายภาคหน้า ทั้งในด้านของสุขภาพ อุบัติเหตุ รวมถึงเหตุไม่คาดฝันที่มาพร้อมกับค่าใช้จ่าย
ก่อนที่จะไปทำความรู้จักถึงข้อดีของประกันบำนาญ ตลอดจนเรื่องที่ต้องพิจารณาก่อนจัดพอร์ตลงทุนเพื่อการเกษียณ ทุกคนจำเป็นที่จะต้องเริ่มวางแผนเกษียณที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดก่อน
สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มั่นใจว่าจะวางแผนเกษียณของตัวเองอย่างไร ลองมาสร้างเป้าหมายเพื่อการเกษียณตามหลัก SMART กันดูก่อน โดยจะมีรายละเอียดตามแต่ละตัวอักษร ดังนี้
ตัวอักษร | ความหมาย | ตัวอย่าง |
S - Specific | เป้าหมายต้องมีรายละเอียดชัดเจน ไม่คลุมเครือ | นาย A อายุ 30 ปี ต้องการเกษียณตอนอายุ 55 ปี ตอนนี้นาย A มีรายได้ 150,000 บาท/เดือน นาย A แต่งงานกับนาง B แล้ว ตัดสินใจว่าจะไม่มีลูกด้วยกัน |
M - Measurable | วัดผลได้ชัดเจน จับต้องได้ | นาย A มีค่าใช้จ่ายรายเดือน รวมค่าใช้จ่ายกับนาง B ทั้งหมดแล้วอยู่ที่ 20,000 บาท รวมอัตราเงินเฟ้อ |
A - Accountable | การวางแผนเพื่อบรรลุเป้าหมาย | นาย A จะต้องซื้อประกันชีวิตบำนาญ หรือ จัดพอร์ตลงทุนให้ได้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 20,000 บาท/เดือน นาย A มีการหักเงินเก็บ 100,000 บาทต่อเดือนเพื่อรอรับดอกเบี้ย |
R - Realistic | เป้าหมายต้องตั้งอยู่บนหลักความเป็นจริง | นาย A มีบ้านเป็นมรดกจากพ่อแม่ มีรถยนต์ของทางบ้าน เดินทางไปทำงานด้วยขนส่งสาธารณะ และไม่มีภาระหนี้สิน เมื่อหักค่าใช้จ่ายและเงินเก็บทั้งหมดแล้ว นาย A ยังมีเงินเหลือ 150,000 - 100,000 - 20,000 = 30,000 บาท ซึ่งสามารถเลือกซื้อประกันบำนาญหรือลงทุนได้ |
T - Time Bound | กำหนดระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ที่เหมาะสม | นาย A มีเวลา 20 ปี เพื่อรอสร้างผลตอบแทนในประกันชีวิตบำนาญ หรือ พอร์ตการลงทุน หากเลือกประกันบำนาญ หรือ สินทรัพย์การลงทุนที่เหมาะสม ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่ต้องการได้ |
สำหรับใครที่กำหนดรายละเอียดของแผนเกษียณตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะซื้อประกันชีวิตบำนาญ หรือ จัดพอร์ตการลงทุน เพื่อรองรับแผนเกษียณของตนเอง ในส่วนนี้ลองมาทำความเข้าใจถึงการซื้อประกันบำนาญให้มากขึ้นกัน
ประกันบำนาญ หรือ ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity) คือ ประกันชีวิตสำหรับการออมเงินที่ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเบี้ยให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งผู้เอาประกันจะได้รับเงินเมื่อถึงอายุ/ตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้จากนั้นทางประกันจะคืนเงินเป็นรูปแบบของเงินบำนาญจนกว่าจะครบกำหนดตามเงื่อนไขในกรมธรรม์
เช่น นาย A เลือกซื้อประกันบำนาญที่กำหนดส่งเบี้ยประกัน 30 ปี โดยส่งเงิน 30,000 บาทต่อเดือน โดยกรมธรรม์ระบุว่า นาย A จะได้รับเงินบำนาญเมื่ออายุ 60 ปี และจะได้รับเงินเรื่อย ๆ ไปจนถึงอายุ 90 ปี ดังนั้น เมื่อนาย A อายุครบ 60 ปีแล้ว ประกันจะเป็นผู้จ่ายเงินให้กับนาย A ในรูปแบบของบำนาญ ซึ่งจำนวนเงินนั้นจะแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของบริษัทประกันแต่ละแห่ง
Insurance Tips: ประกันบำนาญนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับประกันสะสมทรัพย์ แต่จะเป็นประกันคนละประเภทกับประกันควบการลงทุน หรือ Unit Linked เนื่องจากบริษัทประกันจะไม่ได้นำเงินของเราไปลงทุนในสินทรัพย์ใด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ |
ผู้ที่ต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เนื่องจากข้อดีของประกันบำนาญ คือ สามารถลดหย่อนภาษีได้
ผู้ที่ต้องการบริหารความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเสียชีวิต เนื่องจากประกันจะให้ความคุ้มครองชีวิต ในบางกรมธรรม์ยังสามารถเลือกผู้รับมรดกได้เช่นกัน
ช่วยสร้างวินัยทางการเงินหลังเกษียณ เนื่องจากส่วนใหญ่เมื่อเกษียณอายุ ทั้งการลงทุนและประกันบำนาญจะเริ่มจ่ายเงินก้อน ซึ่งหากไม่วางแผนการเงินให้ดีอาจเพิ่มความเสี่ยงให้กับสภาพคล่องทางการเงินได้
ต้องพิจารณาและติดตามการเปลี่ยนแปลงในกรมธรรม์ การจ่ายผลตอบแทน รวมถึงสถานะการดำเนินงานของบริษัทประกันอยู่เสมอ
เลือกเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับรายรับและรายจ่าย ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะส่งประกันไม่ครบจนไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่คาดหวังไว้
คำนวณความเสี่ยงของตนเองให้รอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงที่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการป่วย อุบัติเหตุ ตลอดจนการเสียชีวิต
เมื่อทำความรู้จักข้อดีของประกันบำนาญ ตลอดจนแนวทางการเลือกประกันบำนาญที่เหมาะสมกับตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ลองมาพิจารณารายละเอียดของการจัดพอร์ตลงทุนเพื่อการเกษียณกัน
การลงทุนเพื่อการเกษียณ เป็นการลงทุนเพื่อสะสมผลตอบแทนให้เพียงพอสำหรับการเกษียณอายุ โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใดก็ได้ตามความเสี่ยงที่รับไหวและประสบการณ์การลงทุนที่ผ่านมา
โดยส่วนใหญ่แล้ว นักลงทุนมักเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เช่น การลงทุนในหุ้นปันผล กองทุนรวมระดับความเสี่ยง 1 - 4 และตราสารหนี้ หรือหากรับความเสี่ยงได้สูงขึ้นก็สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรสร้างพอร์ตการลงทุนเพื่อการเกษียณแยกจากพอร์ตการลงทุนอื่น ๆ เนื่องจากจะได้สะดวกต่อการติดตาม ปรับพอร์ต และวางแผนรับมือความเสี่ยงในภายภาคหน้า
ผู้ที่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่เพียงพอต่อการเกษียณ โดยหากจัดพอร์ตเลือกสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพอาจสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 4% - 5% ต่อปี ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในการบริหารพอร์ตการลงทุน
การลงทุนบางประเภทสามารถนำผลตอบแทนมาลดหย่อนภาษีได้ ทำให้นักลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย
ผู้ที่ต้องการสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอทั้งช่วงก่อนและหลังเกษียณอายุ
หากเลือกสินทรัพย์การลงทุนที่ไม่เหมาะสม มีความเสี่ยงที่จะขาดทุน เงินต้นลดลง หรือ สร้างผลตอบแทนได้ไม่มีประสิทธิภาพ
พิจารณาระดับความเสี่ยงที่รับไหวจาก 2 ปัจจัยหลัก ประกอบไปด้วย
● Risk Tolerance ความเสี่ยงที่รับได้จากอายุ นิสัย สไตล์การลงทุน และประสบการณ์การลงทุน
● Risk Capacity ความเสี่ยงที่รับได้จากปัจจัยทางการเงิน เช่น ต้นทุน รายได้ ค่าใช้จ่าย ภาระหนี้สิน และอื่น ๆ
เลือกลงทุนในสินทรัพย์ตามความเสี่ยงที่รับไหว เช่น หากต้องการลงทุนในกองทุนรวม แต่เป็นมือใหม่ หรือ รับความเสี่ยงได้ไม่สูงมาก สามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมระดับความเสี่ยง 1 - 3 ได้เช่นกัน
ติดตามผลตอบแทนจากการลงทุนให้รอบคอบ ศึกษารายละเอียดของสินทรัพย์การลงทุนให้ครบถ้วน พร้อมวางแผนปรับพอร์ตการลงทุนอยู่เสมอ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา
วางแผนการเงินแยกออกจากแผนการลงทุน เพื่อป้องกันไม่ให้ผลขาดทุนจากการลงทุน ที่จะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน หรือ พูดง่าย ๆ คือ หากขาดทุนแล้วก็ยังไม่ส่งผลต่อการเงินในชีวิตนั่นเอง
ข้อเปรียบเทียบ | ประกันบำนาญ | จัดพอร์ตลงทุน |
ข้อดี |
|
|
ข้อควรระวัง |
|
|
เหมาะกับใคร |
|
|
ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ | 2% - 3% ต่อปี ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์และบริษัทประกันแต่ละแห่ง | มีโอกาสได้มากกว่า 5% ต่อปี ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์การลงทุนและประสบการณ์ในการบริหารพอร์ต |
จะเห็นได้ว่าทั้งประกันบำนาญและการจัดพอร์ตลงทุนเพื่อการเกษียณนั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญ คือ การกำหนดเป้าหมายและรายละเอียดสำหรับแผนเกษียณให้รอบคอบ เพื่อเลือกซื้อประกันชีวิตบำนาญ หรือ ลงทุนให้ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด
สำหรับใครที่ต้องการเริ่มต้นแผนเกษียณอายุตั้งแต่วันนี้ แต่ยังไม่มีประสบการณ์การลงทุนมากนัก ทั้งยังรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่สูงมาก ประกันบำนาญจากเอฟดับบลิวดี Easy E-Retire 90/5 พร้อมตอบโจทย์เป้าหมายเกษียณอายุ อุ่นใจจ่ายเบี้ยสั้นแค่ 5 ปี รับบำนาญถึงอายุ 90 ปี พร้อมมีเงินใช้จ่ายที่เพียงพอต่อความต้องการในวันที่ไม่ได้ทำงาน มีให้เลือกหลากหลาย ลงตัวทุกความต้องการได้ในทุกแง่มุม