เทคนิคเลือกประกันสุขภาพที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ต่อให้เราจะดูแลรักษาสุขภาพดีเพียงใด แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าโรคร้ายจะไม่มาเยือน ดังนั้น เพื่อความมั่นคงของทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ทุกคนจึงควรทำประกันสุขภาพเอาไว้ เพราะในยามที่ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพ อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีประกันสุขภาพมากมายจากหลากหลายบริษัทให้เลือก คำถามคือ แล้วจะเลือกประกันสุขภาพที่ไหนดีให้ตอบโจทย์ความต้องการ รวมถึงเข้ากับไลฟ์สไตล์มากที่สุด บทความนี้จึงจะมาแนะนำเคล็ดลับการเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณ
ประโยชน์ของการทำประกันสุขภาพ
ก่อนที่จะไปถึงเคล็ดลับการเลือกประกันสุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรทราบก่อนว่าประกันสุขภาพมีประโยชน์อย่างไร เพราะการลงทุนซื้อประกันก็ไม่ต่างจากการซื้อสินค้าประเภทอื่น ๆ ที่ผู้ซื้อควรเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งก่อนว่าสิ่งที่ต้องจ่ายเงินในกระเป๋าเพื่อให้ได้มามีประโยชน์อย่างไร โดยข้อดีของการทำประกันสุขภาพสามารถแบ่งเป็นข้อ ๆ ได้ดังต่อไปนี้
ช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ: ในกรณีที่เกิดการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุซึ่งอาจทำให้ผู้เอาประกันอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถตัดสินใจ หรือดำเนินการต่าง ๆ ได้ ในส่วนนี้ บริษัทประกันจะช่วยประสานงานกับโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้เอาประกันได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุด
บรรเทาความเดือดร้อน: การเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุอาจทำให้ผู้เอาประกันต้องขาดรายได้ เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้น การมีประกันสุขภาพจะเข้ามาเยียวยาด้านการเงินในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็จะช่วยให้ผู้เอาประกันสามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องค่าใช้จ่าย
ช่วยวางแผนการเงิน: การทำประกันสุขภาพทำให้ผู้ทำประกันหมดห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้สามารถวางแผนเก็บเงินออมในส่วนอื่น ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
ลดหย่อนภาษี: ประกันสุขภาพบางรูปแบบ กรมธรรม์สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยหักเบี้ยประกันที่ตนได้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท แต่หากรวมกับเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
ประเภทความคุ้มครองของประกันสุขภาพ
นอกจากส่วนของประโยชน์แล้ว อีกหนึ่งแง่มุมที่ควรทราบเพื่อให้การเลือกประกันสุขภาพได้ตรงตามความต้องการมากที่สุดคือ ประเภทความคุ้มครองของประกันสุขภาพ ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลากหลายประเภท โดยถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของผู้คน ดังต่อไปนี้
แบบการรักษาผู้ป่วยนอก (OPD): ตรงกันข้ามกับแบบการรักษาผู้ป่วยใน (IPD) โดยจะเน้นไปที่การให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อผู้เอาประกันต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่า 6 ชั่วโมงหรือไม่ต้องนอนพักค้างคืน ครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าตรวจรักษา ค่ายา ค่าบริการต่าง ๆ เป็นต้น
คุ้มครองโรคร้ายแรง (Critical Illnesses): สำหรับผู้เลือกประกันสุขภาพรูปแบบนี้ จุดประสงค์คืออยากได้ความคุ้มครองในกรณีที่ตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่อาจเป็นโดยไม่คาดฝัน และจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ซึ่งถ้าหากทำประกันเอาไว้ บริษัทประกันจะจ่ายเงินก้อนให้ผู้เอาประกันเพื่อใช้ในการรักษา หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
คุ้มครองอุบัติเหตุ (Accident): เป็นรูปแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองกรณีผู้เอาประกันประสบอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินก้อนให้กับผู้เอาประกันเพื่อใช้ในการรักษาหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ชดเชยรายได้ (Income Protection): การเลือกประกันสุขภาพที่เน้นรูปแบบความคุ้มครองชดเชยรายได้ ตอบโจทย์สำหรับกรณีผู้ทำประกันมีความกังวลว่าต้องขาดรายได้เนื่องจากเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ ซึ่งหากมีประกัน บริษัทประกันก็จะจ่ายเงินให้ผู้เอาประกันเป็นรายเดือนหรือรายปี เพื่อให้ผู้เอาประกันสามารถมีรายได้ไว้ใช้จ่ายในระหว่างที่ไม่สามารถทำงานได้
เลือกประกันสุขภาพอย่างไรให้ตอบโจทย์?
เมื่อได้ทราบว่าประกันสุขภาพมีประโยชน์อย่างไร รวมถึงรูปแบบความคุ้มครองต่าง ๆ กันไปแล้ว ก็มาถึงสิ่งที่หลายคนอยากรู้ นั่นคือเคล็ดลับการเลือกประกันสุขภาพให้ตอบโจทย์ เพื่อให้หมดปัญหาในการเลือกซื้อประกันสุขภาพที่ไหนดี โดยเคล็ดลับที่หยิบยกมาบอกต่อมีดังต่อไปนี้
เปรียบเทียบแผนที่ตอบโจทย์ความต้องการ: เมื่อทราบถึงความต้องการแล้ว ขั้นต่อไปในการเลือกประกันสุขภาพคือนำแผนต่าง ๆ มากางแล้วเปรียบเทียบกัน เนื่องจากแต่ละแผนก็มีจุดเด่นที่ต่างกันออกไป เพื่อหาว่ารายละเอียดของแผนใดที่ตรงกับความต้องการที่สุด หรือถ้าหากมีสวัสดิการอื่น ๆ อยู่แล้ว เช่น ประกันกลุ่มของบริษัท ก็ต้องคำนึงว่าควรเลือกอย่างไรถึงจะคุ้มค่า
อ่านกรมธรรม์อย่างละเอียด: เป็นเรื่องสำคัญในการเลือกประกันสุขภาพที่หลายคนกลับมองข้าม เนื่องจากปฏิเสธไม่ได้ว่ารายละเอียดในกรมธรรม์มีความยาวหลายหน้ากระดาษ รวมถึงภาษาที่ใช้ก็อาจเข้าใจได้ยาก อย่างไรก็ตาม เพื่อประโยชน์ของผู้ทำประกันเอง ยอมเสียเวลาหลักชั่วโมง ดีกว่ามานั่งเสียดายไปอีกหลายปี
คำนวณเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย: เมื่อเลือกประกันสุขภาพที่ต้องการได้แล้ว ก็ถึงเวลานำเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายมาคำนวณ เพื่อดูว่าสามารถจ่ายได้ไหวหรือไม่
ดูเงื่อนไขการลดหย่อนภาษี: หากเป้าหมายในการซื้อประกันสุขภาพของคุณมีการลดหย่อนภาษีรวมอยู่ด้วย ก็อย่าลืมดูเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีในการเลือกประกันสุขภาพ เนื่องจากไม่ใช่ประกันสุขภาพทุกแบบจะสามารถลดหย่อนภาษีได้
ความสะดวกสบาย: หากคุณไม่อยากลำบากที่จะต้องนัดพบกับตัวแทนประกันเพื่อเจรจาพูดคุย ในปัจจุบันมีประกันสุขภาพหลายเจ้าที่สามารถซื้อออนไลน์ได้เลย สะดวกสบาย จบทุกอย่างภายในไม่กี่คลิก
เลือกประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ชีวิต ต้องอีซี่ อี-เฮลท์ จาก FWD
ถึงตรงนี้ คงได้ทราบเคล็ดลับในการเลือกซื้อประกันสุขภาพกันไปแล้ว และหากใครกำลังมองหาประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ แนะนำประกันสุขภาพรายปี อีซี่ อี-เฮลท์ จาก FWD ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ และเงินชดเชยรายวันเนื่องจากเจ็บป่วยด้วย 7 โรคร้าย ด้วยผลประโยชน์ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายตามจริง สูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อปี ซื้อออนไลน์ง่าย รับความคุ้มครองทันที เพียงตอบคำถามสุขภาพ สมัครได้ตั้งแต่อายุ 20-60 ปี (ต่ออายุได้ถึงอายุ 79 ปี) ใครที่สนใจสามารถลองคำนวณเบี้ยประกันก่อนการตัดสินใจได้เองง่ายๆ