"โอ้กะจู๋" ใครได้ยินชื่อนี้ต้องแอบจั๊กจี้เบาๆ แต่สำหรับสายกินอย่างเราชื่อนี้คือชื่อที่การันตีได้ว่าอร่อยจริงจัง เพราะเป็นร้านสเต๊กและสลัดออร์แกนิคจานยักษ์ชื่อดังจากเมืองเจียงใหม่ ดังไกลมาถึง กทม. และปักหลักให้คนกรุงได้ฟินกันถึง 5 สาขา โดยเฉพาะย่านสยามสแควร์ใจกลางเมืองกรุงแบบนี้ พี่เขายกร้านมาปักหลักคุมหัวเมืองสยามกันถึง 3 สาขา ล่าสุดกับสาขาสยามสแควร์ซอย 2 ร้านใหม่อร่อยเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือใหญ่ขึ้น
ทำเลร้านหาง่ายเว่อร์ ถ้าเข้ามาทางถนนพญาไทฝั่งมาบุญครอง ก็ขับตรงมาในสยามสแควร์ซอย 7 ตัวร้านจะอยู่บริเวณทางเข้าสยามสแควร์ซอย 2 แต่ถ้านั่งบีทีเอสลงสถานีสยาม แล้วเดินเข้าซอยสยามสแควร์ซอย 2 มาจนสุดซอยก็จะเจอร้านโอ้กะจู๋ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า มีหน้าเจ้าของร้านทั้งสามคนรอทักทายอยู่ทางขวามือ
จะไม่อธิบายและปล่อยผ่านไม่ได้ขอเล่าให้ฟังหน่อยก็แล้วกันเกี่ยวกับชื่อชวนจั๊กจี้ของร้านโอ้กะจู๋จริงๆเจ้าของร้านนี้คือพี่โจ้กับพี่อู๋เพื่อนรักที่มีความคิดอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรตั้งแต่ยังเป็นเด็กมัธยมพอหลังจากพี่โจ้ที่จบคณะเกษตรฯจากมช. มาปุ๊บก็ได้ร่วมมือกับพี่อู๋ในการทำสวนผักแบบเกษตรอินทรีย์นี่จึงกลายเป็นที่มาของชื่อร้านคือโอ้กะจู๋ที่ผวนมาจากโจ้กับอู๋เช่นนั้นแลต่อมาเสริมทัพด้วยพี่ต้องวิศวกรหนุ่มที่มีความรู้เรื่องเครื่องจักรและการผลิตปุ๋ยอินทรีย์มาร่วมหุ้นด้วยอีกคนเลยกลายเป็นสัญลักษณ์โลโก้ของร้านที่ประกอบไปด้วยพี่ต้องพี่อู๋และพี่โจ้
ผมชอบร้านสาขานี้มากด้วยตัวร้านที่มีถึง 4 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นโซนที่ให้เรานั่งรอคิว พร้อมกับมีตู้ขายพวกผักสด สลัด และมีลิฟต์ที่พาเราขึ้นไปยังชั้น 2-4 ซึ่งชั้น 2 และชั้น 3 จะเป็นส่วนของที่นั่งทั่วไป ที่การตกแต่งแต่ละโซนที่นั่งนั้นไม่ธรรมดาเลยฮะ เก๋ไก๋โดนใจด้วยวัสดุจากไม้ผสมความเป็นล็อฟต์ และยังมีต้นไม้ที่เพิ่มความสดชื่นสบายตาเข้าไปอี๊ก ส่วนชั้น 4 จะเป็นโซนวีไอพีนั่งได้ 20 คน ใครมาเป็นกรุ๊ปอยากปาร์ตี้ผักเป็นแก๊งส์ก็เดินตรงไปชั้น 4 ได้เลย
ช่วงนี้วันธรรมดาถ้าไม่ใช่ช่วงตอนเที่ยงและตอนเย็นลูกค้าของร้านยังไม่เยอะมากเท่าไร วอล์คอินเข้าไปได้เลยฮะ แต่ช่วงเที่ยง กับช่วงเย็นคนจะเยอะแนะนำจองคิวผ่านทางแอปฯ คิวคิวกันก่อนได้เลย
เปิดเมนูมาก็ร้องว้าวกันเกือบทุกเมนู เอาใจทั้งสายผัก สายสเต๊ก และสายเจกับเมนูที่มีให้เลือกเยอะมากๆ เราเลยสั่งแบบไม่ยั้ง อ๊ะ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าแต่ละจานมันใหญ่มากจริงๆ บางเมนูสามารถแชร์ให้เพื่อน 2-3 คนได้เลย ดังนั้นก่อนจะทานสอบถามปริมาณอาหารจากทางร้านก่อนเลย
เริ่มต้นด้วยเมนูเบาๆ ซึ่งเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของสาขานี้ที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายกับเมนู คริสปี้ มัลติเกรน สลัดรวมธัญพืชที่มีทั้งควินัว ผักชีลาว เฟต้าชีส ทับทิม ท็อปด้านบนด้วยแซลมอนย่างหอมๆ ตอนทานก็บีบมะนาวตัดเลี่ยนหน่อยๆ ใครที่ควบคุมน้ำหนักอยู่ก็ทานได้ เป็นเมนูที่รับรองเลยว่ามีประโยชน์ทุกคำเลยจริงๆ
เอาใจสายผักกันต่อกับเมนูปอเปี๊ยะสดครีมชีสปูโรล หน้าตาอาจจะธรรมดา แต่บอกเลยถ้าได้ทานจะติดใจ ด้านในมีผักใส่มาให้ทานมากมาย ทั้งแครอท บีทรูท เพิ่มความหวานความเปรี้ยวด้วยแอปเปิลแดง แอปเปิลเขียว พร้อมครีมชีสปูเนื้อละมุนลิ้นรสชาติปูแบบเต็มคำฟินๆ ทีเด็ดคือน้ำจิ้มเมี่ยง 3 รสสุดแซ่บ เพิ่มความกรุบความมันด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์บด
มาโอ้กับจู๋ทีไรผมต้องสั่งเมนูนี้ทุกทีกับเมนูสลัดผักผลไม้ แค่เห็นจาน ก็ร้อง ว้าวๆ แล้วล่ะฮะ มันใหญ่ยักษ์สะใจจริงๆ ในจานยักษ์จานนี้มีทั้ง ผักสดๆ ที่อิมพอร์ตมาจากสวนผักโอ้กะจู๋ที่เชียงใหม่ ทั้ง ผักกาดแก้ว ต้นอ่อนทานตะวัน มะเขือเทศ บีทรูท แรดิช พร้อมกับผลไม้สดๆ อย่าง สตรอว์เบอร์รี กีวี แอปเปิลเขียว แอปเปิลแดง สับปะรด กล้วย โรยด้วยธัญพืช และราดด้วยน้ำสลัดโยเกิร์ตฮันนี่สตรอว์เบอร์รี จานนี้ถึงจะเยอะขนาดไหนก็หมดได้ในพริบตา เพราะกินเพลินทานแล้วรู้สึกสดชื่นมากๆ เหมือนกำลังยืนอยู่กลางฟาร์มผักและผลไม้เลยล่ะฮะ
อีกหนึ่งจานสลัดที่อร่อยแบบไม่ไหวแล้ว กับเมนูสลัดแซลมอนย่างจานนี้ไซส์บิ๊กเบิ้มเหมือนเคย แบ่งครึ่งจานเป็นสลัดผัก 5 สี และอีกครึ่งหนึ่งคือแซลมอนย่างที่สุกกำลังพอดี เคียงคู่ด้วยมันบด หน่อไม้ฝรั่ง เห็ดออรินจิ และเห็ดชิตาเกะที่นำไปย่างแล้วไปผัดกับน้ำมันมะกอก เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำสลัด 2 อย่าง คือน้ำสลัดใสอิตาเลียน และน้ำสลัดวาซาบิ
ความเฮลธ์ตี้ยังไม่หมด หมวดซุปของที่นี่ก็มีให้เลือกมากมาย ผมเลยสั่งซุปเห็ดสามอย่าง ที่มีทั้ง เห็ดชิตาเกะ เห็ดเข็มทอง และเห็ดออรินจิ เห็ดล้วนๆ ไม่มีส่วนผสมของครีมและนม โรยหน้าด้วยอัลมอนด์กรุบๆ มันๆ เสิร์ฟมาพร้อมขนมปังกรอบ ใครชอบเห็ดบอกเลยว่าห้ามพลาด
จากสายเฮลธ์ตี้ขอเปลี่ยนไปสายสปาเก็ตตี้พาสต้ากันบ้างกับเมนูที่ชื่อว่า แองเจิ้ลแฮร์ปูครีมไข่กุ้ง แค่เห็นหน้าตาจิตใจมันก็ระทวยแล้วฮะ ผมเป็นคนชอบอะไรที่ครีมมี่อยู่แล้วมาเจอเมนูนี้ไปบอกเลยว่าขอยอมเธอผู้เดียวไม่เลี้ยวไปหาใคร ด้วยเส้นแองเจิ้ลแฮร์ที่เล็กบางทำให้ครีมซอสนั้นเข้าไปแทรกตัวในเส้นแองเจิ้ลแฮร์ได้ทุกอณูกันเลยทีเดียว ตัวครีมนี้รสกลมกล่อมละมุนลิ้นด้วยไข่กุ้งและมีสัมผัสของเนื้อปูอยู่ในตัวครีมด้วย ด้านบนท็อปด้วยสาหร่ายและไข่ปลาแซลมอนที่แตกโป๊ะในปากคือมันดีจนอยากจะสั่งเพิ่มซะอีก 1 จาน
ไล่ลำดับเลเวลความหนักมาจนถึงเมนูจานยักษ์อย่างสเต๊กกันบ้าง ครั้งนี้ขอจัดมาถึง 3 จาน เริ่มต้นด้วยสเต๊กไก่โอ้กะจู๋ ที่ใช้เนื้ออกไก่ชิ้นโตมาหมักจนได้ที่แล้วนำไปย่างด้วยไฟอ่อนๆเสิร์ฟมาพร้อม เบค่อนกรอบ สวิสชีส ท็อปด้านบนด้วยซัลซ่า เป็นสเต๊กไก่ที่คอนเฟิร์มเลยว่าอร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมา ตัวไก่นุ่มมากๆ และเนื้อไก่มีความชุ่มฉ่ำแบบจุยซี่ เสิร์ฟมาพร้อมสลัดผัก 5 สี และยังมีไซด์ดิชที่มีให้เลือก 5 อย่าง ทั้งเฟรนช์ฟราย, หอมทอด, มันบด, ข้าวขมิ้น และมันหวาน ซึ่งครั้งนี้ผมเลือกมันหวานฮะ ทำจากมันเทศบอกเลยว่าอร่อยมากๆ เพราะมันจะมีความหนึบและความหวานกินคู่กับสเต๊กไก่ที่มีความเค็มอยู่แล้วมันช่างตัดกันสุดๆ
ไต่ระดับความฟินกันต่อกับเมนูสวีท แอนด์ ซาว สติ๊กริบส์ อีกเมนูซิกเนเจอร์ของสาขานี้ ที่ใช้ซี่โครงเนื้อร่อนกระดูกกับซอสส้มคั้นสดที่นำไปเคี่ยวจนได้รสอมเปรี้ยวอมหวาน พร้อมกับดิปซอสสูตรพิเศษ Garlic & Herb ท็อปด้านบนด้วยทับทิม เสิร์ฟมาพร้อมสลัดผักสดและส้ม ส่วนไซด์ดิชที่เราเลือกเป็นเฟรนช์ฟรายส์ ที่ใช้มันฝรั่งมาหั่นเป็นชิ้นโตๆ ทอดจนเหลืองน่าทาน แล้วกินคู่กันฟินมากบอกเลย
ปิดท้ายด้วยจานใหญ่แบบฟินาเล่ สเต๊กซี่โครงสะพานโค้ง เมนูจานเด็ดของร้าน ซึ่งตอนที่พนักงานเดินถือมา ลูกค้าโต๊ะอื่นต่างหันมามองจานนี้กันโดยไม่ได้นัดหมาย ราวกับว่ามีสปอตไลท์อันใหญ่สาดส่องตามจังหวะก้าวเดินของพนักงานพร้อมบทเพลงโอเปร่า ผมอาจจะบรรยายเว่อร์วังเกินไปแต่บอกเลยว่าอารมณ์นั้นมันได้จริงๆ คือพี่จะใหญ่ไปไหน ทั้งจาน ทั้งสเต๊กมันใหญ่ไซส์เบิ้มมากๆ โดยไซส์ที่ผมสั่งมานี้เป็นไซส์ L ถ้าเป็นผู้ชายก็กินได้ 2 คน ส่วนผู้หญิงกินได้ 3-4 คนก็ยังไหว โดยใช้ซี่โครงหมูหมักสูตรพิเศษ และนำเข้าเครื่องอบนานกว่า 12 ชั่วโมงด้วยไม้ Hickory ทำให้ได้กลิ่นเครื่องเทศที่ซึมซาบเข้าไปข้างในซี่โครง ราดด้วยซอสบาร์บีคิวสูตรพิเศษของโอ้กะจู๋ จานนี้ความนุ่มของเนื้อซี่โครงและความจุยซี่มันช่างเต็มปากเต็มคำมากๆ
ที่ตั้ง : สยามสแควร์ซอย 2 ตรงข้าม Sense (สยามสแควร์ซอย 7)
เวลาเปิด : ทุกวัน 10.00 - 22.00 น.
ราคา : 75-565 บาท
เบอร์ติดต่อ : 081-980-2416
แผนที่ร้าน : โอ้กะจู๋